วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

สังคมเมืองพาประเทศก้าวไกล

ตามปกติแล้วการเติบโตของสังคมเมืองสามารถอิงการเติบโตของประเทศได้ร้อยละ 30 ของภาพเศรษฐกิจโดยรวม ในปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกมีถิ่นอาศัยในเมือง แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 50-60 ปีก่อนหน้านั้นจะพบว่าประชากรส่วนใหญ่อาศัยตามชนบทและป่าเขา มีประชากรเพียง 30% เท่านั้นที่อาศัยอยู่ในเมือง เนื่องจากสาเหตุความวุ่นวายและภาวะต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากยากยิ่ง แต่ปัจจุบันไม่ใช่อย่างนั้น

เฉพาะในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เพราะมีการปฏิรูปประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้วิถีชีวิตของประชากรในเมืองมีความสะดวกสะบายมากขึ้นและไม่มีภาวะกดดันทางการเมืองใดๆ มีระบบการคมนาคมขนส่งที่ดี มีระบบแรงงาน ระบบสาธารณูปโภค อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัยที่ดีมากขึ้น ประชากรที่เคยอาศัยในชนบทก็เริ่มย้ายถิ่นฐานเข้ามาปักหลักในเมืองมากขึ้น หรือชุมชนไหนมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและการคมนาคมที่สะดวกมากขึ้นก็ตั้งตัวเป็นเมืองเล็ก และขยายระบบให้ใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นเมืองใหญ่ ประชากรทั้งหลายเริ่มแสวงหารายได้และสิ่งอำนวยความสะดวก เนื่องจากง่ายขึ้นไม่ต้องไปผจญกับอันตรายในป่าเขาและชนบทอันห่างไกล ทำให้มีประชากรมากขึ้นด้วยความต้องการปัจจัยการดำรงชีวิตที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

ปฏิรูปประเทศไทยและปฏิรูปสังคม


ในขณะเดียวกัน นโยบายของประเทศที่มุ่งกระจายรายได้และการพัฒนาไปสู่ชนบท มีบทบาทมากขึ้นสามารถช่วยยกระดับการพัฒนาสังคมชนบทไปสู่การเป็นสังคมเมืองมากขึ้น แนวโน้มความเจริญของประเทศก็เพิ่มมากขึ้น เข้าข่ายลักษณะในการปฏิรูปประเทศไทยมาตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ในลักษณะนี้ธุรกิจที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือพวกก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง พลังงาน โทรคมนาคม อินเตอร์เน็ต อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ เมื่อมีความต้องการพัฒนาธุรกิจ ความต้องการด้านแรงงานก็ตามมา เมื่อแรงงานมากรายได้แรงงานก็อยู่ได้ ธุรกิจก็เติบโต ทำให้ประเทศเติบโต จากสังคมชนบทที่ถูกยกระดับเป็นสังคมเมือง เมืองแล้วเมืองเล่า จนนำพาประเทศเข้าสู่ยุคปฏิรูปประเทศไทยยุคใหม่

เมื่อนั้นประเทศไทยก็จะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น แต่จะรอให้ถึงวันนั้น ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน แม้ไม่ใช่เป็นตัวหลักในการส่งเสริมและตัดสินใจ แต่ร่วมกันเสนอแนวคิดและหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหานำพาประเทศให้เดินหน้าต่อไป ใช่ว่าจะทำกันไม่ได้ แต่ไม่อยากทำกันมากกว่า เพราะอะไร..

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

แนะปฏิรูปแต่ขาดแนวทาง

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีนักวิชาการหลายท่าน ได้ทยอยกันออกมาบอกกล่าวและป่าวประกาศว่า ตัวเค้ามีแนวคิดในการปฏิรูปประเทศไทยอย่างไร และบอกเป็นนัยว่ามีข้อย่อยหลายอย่างแบบละเอียดยิบ ถ้าหากพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือได้ก็คงจะได้หลายเล่มอยู่ แต่รู้สึกว่าเท่าที่ฟังๆ และอ่านมาคร่าวๆ จนแทบจะไม่อยากอ่านต่อ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป

รู้ไหมครับว่ามันมีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง จริงๆ แล้วแนวคิดในการปฏิรูปนั้นดีและเยี่ยมยอดทั้งหมด แทบจะไม่มีที่ติเลยก็ว่าได้ หากลองคิดเล่นๆ ว่าถ้านำเรื่องเหล่านั้นมาปฏิบัติและทำได้จริงประเทศคงจะก้าวหน้าไปอย่างน้อยๆ 20 ปีแน่นอน ด้วยปกตินักวิชาการจะเชี่ยวชาญในด้านมุมมองของบุคคลที่สาม ทำตัวเสมือนประหนึ่งว่าปัญหาทุกอย่างล้วนแก้ไขได้ง่ายๆ ในมุมมองของหลักวิชาการ ล้วนบ่งบอกถึงว่าแนวทางการแก้ปัญหาให้กับประเทศไทยในตอนนี้ต้องกระทำแบบเร่งด่วน ด้วยการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น บลาๆๆ... ประเทศไทยต้องมีการปฏิรูปในด้าน... บลาๆๆ

แสดงรายการที่ออกจากการคิดวิเคราะห์อันแยบยลออกมาเป็นข้อๆ อันหลากหลาย ว่าเราควรที่จะมีการปฏิรูปประเทศไทยในด้านนั้นด้านนี้มากมายก่ายกอง เรียกว่าใครอ่านก็คล้อยตามกันไปเลย และพาลนึกไปว่า เฮ่ย..นี่ประเทศมันเหลวแหลกขนาดนี้เลยเหรอ ถึงต้องมีการปฏิรูปกันรอบด้านขนาดนั้น

แต่จนแล้วจนรอดเมื่ออ่านจนจบกลับรู้สึกว่ายังมีบางสิ่งบางอย่าง ที่ยังไม่ได้ถูกพูดถึง ยังมีบางเรื่อง ที่อาจจะถูกลืมไป เรื่องอะไรกันนะ....

แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย


แน่นอน แนวคิดที่ว่ามานั้นเราจะพบกับวิธีการปฏิรูปประเทศไทยที่จะสามารถนำมาใช้ได้จริงทุกข้อและทุกเรื่อง เสนอแนวทางและแนวคิดในการปฏิรูป นั่น โน่น นี่ อย่างนั้น อย่างนี้ สิ่งนั้น สิ่งนี้ เป็นเรื่องอันหลากหลาย แต่ดันมาตกม้าตายด้วยเรื่องที่ลืมบอก... (แกล้งลืมหรือทำเป็นไม่รู้ ตั้งใจหรือลืมไปจริงๆ)

เรื่องที่ไม่ได้เอ่ยถึง คือ...

ในเนื้อหา ไม่ได้บอกหรือแนะนำ หรือเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ วิธีการแก้ไขและการแก้ปัญหาว่าควรทำอย่างไร (เหมือนปล่อยให้คิดกันเอง) แนวทางในการปฏิรูปประเทศไทยที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าในภายภาคหน้า ไม่ได้เสนอแนะว่าจะต้องทำอย่างไร จะให้ฝ่ายไหนรับผิดชอบ จะทำอะไรบ้าง ทำที่ไหน เมื่อไหร่ และทำอย่างไร ไม่ได้บอกไว้ บอกไว้แค่เรื่องที่ควรปฏิรูป แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำอย่างไร...

บอกมาแค่ว่า สิ่งนั้นควรปฏิรูป สิ่งนี้ก็ควรปรับปรุง สิ่งโน้นก็ต้องทำอย่างเร่งด่วน...

สรุปแล้วก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย เพราะต้องมานั่งหาบทสรุปถึงวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไรที่สามารถทำได้จริง หรือเราต้องมานั่งเทียนคิดกันแบบวิชาการไปเองอีกว่า มันควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เดาสุ่มกันไป ประเทศเราก็อาจจะเจริญก็เป็นได้ บลาๆ..

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

ทดลองปฏิรูปประเทศไทย

อ่ะนะ จั่วหัวข้อไปเล่นๆ แต่ถ้าจะทดลองทำจริงๆ คงต้องเป็นนายกฯ หรือเป็นรองนายกฯ ก่อนถึงจะทำได้ แต่เนื้อหาภายในบล็อกส่วนนี้ (เพียง 1 บล็อก) จัดทำขึ้นเพื่อเสริมให้กับการปฏิรูปประเทศไทยให้เข้มแข็งและเข้าหน้าหนึ่งได้ก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม 57 นี้ เรียกว่าเมื่อหมดหน้าร้อนแล้วยังไม่สามารถทำคีย์เวิร์ดนี้ขึ้นหน้าแรกได้ ก็ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

เอาล่ะ มาเข้าเรื่องดีกว่า บล็อกนี้ไม่ได้มีคุณภาพอย่างที่คุณเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ไร้คุณภาพจนเอาไปทำน้ำยาอะไรไม่ได้ เพราะหากคนที่เข้ามาอ่านก็พอจะรู้เรื่องบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ได้มีการสปินบทความ ไม่ได้มีการก๊อบบทความ ไม่ได้มีการดัดแปลงแก้ไขอะไรเลย มีแต่เขียนใหม่กันสดๆ ด้วยมันสมองสองมืออันเพี้ยนๆ ของผมเองทั้งนั้น

จะถามว่าแล้วมันเกี่ยวกับเรื่องปฏิรูปประเทศไทยตรงไหน ก็เกี่ยวสิ เพราะอย่างน้อยๆ ผมจะทำบล็อกนี้เพื่อที่จะดันบล็อกหลักให้เข้าอันดับ แต่หากบล็อกนี้ที่มีเนื้อหาอันไร้สาระและไม่ไร้สาระเล็กๆ น้อยๆ ทำให้มันแซงหน้าคู่แข่งอย่างหนังสือพิมพ์การเมืองหลายๆ ฉบับด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าวก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

ทดลองการปฏิรูปประเทศไทยกับแนวทางตัวเอง
จริงๆ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเขียนบทความ ผมฝาก link ใน youtube ผมเข้าไปแจมลิ้งกลับหลายแห่ง แต่พอมาตรวจสอบทีหลังกลับพบว่าลิ้งเหล่านั้นล้วนหายและอันตรธานไปเสียแล้ว แล้วจะเอาอะไรมาเสริมกำลังเพื่อให้บล็อกแนวคิดการปฏิรูปประเทศไทยของผมอันหลักมันไต่ขึ้นอันดับไปได้ ไม่รู้ครับ ผมก็ทำแต่บล็อกก็คงต้องใช้บล็อกในการดันอันดับตามวิธีของ ebook เล่มหนึ่งเท่านั้นเอง

ประกอบกับความรู้งูๆ ปลาๆ ที่พอจะไปวัดไปวาได้เอามาเสริมทัพ หลายคนคงแปลกใจที่ทำไมบล็อกกระหลั่วๆ แบบนี้ติดหน้าแรก ไม่ต้องถึงคุณหรอก ผมเองเจ้าของบล็อกก็แปลกใจครับ เอาเป็นว่าถ้าการทดสอบคีย์เวิร์ดดังกล่าวทำให้อันดับบล็อกเข้าหน้าหนึ่งและติดหนึ่งใน 5 ได้ก็เป็นพระคุณอย่างมากแล้ว ขอช่วยๆ กันหน่อยนะครับ คุณช่วยได้โดยการให้กำลังใจผมและสนับสนุนผมด้วยการแนะนำสิ่งที่เราควรจะปฏิรูปประเทศนี้กันก็พอ

่ว่างๆ ก็เม้นเข้ามาได้นะครับเปิดรับทุกความคิด

เปิดรับความคิดเห็น การปฏิรูปประเทศไทย

อยากจะเปิดรับความคิดเห็นสำหรับแนวคิดในการปฏิรูปประเทศไทย ว่าเราควรจะทำอะไรก่อน ไม่จำเป็นว่าการปฏิรูปนั้นจะเน้นไปในเรื่องการเมืองอย่างเดียว ไม่จำเป็นเลย เพราะในการเปลี่ยนแปลงระบบใดๆ ก็ตาม ถึงแม้ว่าภาพรวมเราจะมีแนวคิดที่เกี่ยวกับระบบหลักซึ่งทำงานสอดคล้องกับหลายๆ ระบบและเห็นเป็นรูปร่างที่แน่ชัดและชัดเจน แต่ในบางครั้งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยแต่ส่งผลมหาศาลนั้น ระบบหลักอาจไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปมากนัก กลับกัน ระบบที่ขับเคลื่อนอยู่ภายใต้แนวคิดหลักต่างหาก ที่ถูกเปลี่ยนแปลงแต่ยังคงสภาพเดิมให้เห็นโดยที่หลายคนอาจคิดว่า มันดูเหมือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย

ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องใกล้ตัว อย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ราคาวัสดุในการผลิตอาหาร ข้าว เครื่องปรุงรส ตลอดจนค่าขนส่ง ค่าโสหุ้ยต่างๆ โดยระบบหลักโดยรวมจะมีผลกระทบแบบมหาศาลด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในระบบเล็กๆ เช่น หากฟาร์มไก่ไข่ขอขึ้นราคาไข่ไก่จากฟองละ 2 บาทเป็น 3-4 บาท จะมีผลกระทบกับเรื่องใดบ้าง

อย่างแรกคือ ราคาไข่เจียว ไข่ดาวของร้านอาหารตามสั่งจะถูกตั้งราคาบวกเพิ่มอย่างน้อย 5 บาท บางร้าน 7 บาท ถึงแม้ว่าราคาไข่ไก่จะปรับตัวฟองละเพียง 1-2 บาทก็ตาม แต่ร้านอาหารต่างๆ จะแห่ขึ้นราคาเป็นมาตรฐานคือ +5 บาททุกอย่าง
อย่างที่สอง เมื่อร้านอาหารขึ้นราคา กระบวนการผลิตต่างๆ ที่ใช้วัสดุที่เป็นไข่ไก่ จะพลอยฟ้าฝนไปด้วยแม้ว่าจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนักก็ตามเช่น ขนมที่มีส่วนผสมของไข่ไก่ทั้งหลาย
อย่างที่สาม บรรดาห้างร้านและผู้ประกอบการที่มีรายได้จากกระบวนการที่หนึ่งและสอง ต่างก็อ้างว่ามีผลกำไรเท่าเดิมในขณะที่ราคาไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้น โดยรายได้หลักไม่ได้มาจากการขายไข่ไก่เลย แต่มาจากการให้เช่าพื้นที่เปิดร้านอาหาร แต่เห็นว่าร้านอาหารทำรายได้มากแต่จ่ายค่าเช่าน้อย เลยพากันขยับปรับตัวกันอีก

ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย
สุดท้าย บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถหรือยานพาหนะใดๆ ที่บรรทุกสินค้าได้ก็จะแห่กันขึ้นราคาโดยอ้างว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น

ผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ลำดับ 2 จนกระทั่งจบก่อนจะถึงผู้บริโภค

ผู้เสียประโยชน์คือผู้ผลิตและผู้บริโภค เป็นผู้ที่อยู่ลำดับแรกสุดและท้ายสุดของห่วงโซ่อาหารในยุคปัจจุบัน

นี่อาจเป็นความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย ในเรื่องของลำดับค่าใช้จ่ายในการครองชีพของคนในประเทศ

ในขณะที่เงินเดือนและค่าแรงในประเทศไทยเอง แม้ว่าจะมีประกาศออกมาแล้วว่าเพิ่มอัตรารายได้ในค่าแรงขั้นต่ำ แต่ในบางสถานประกอบการ ก็ยังคงจ่ายค่าจ้างในจำนวนเท่าเดิม ไม่ได้แยแสต่อกระแสสังคมและแนวทางที่รัฐกำหนดเลย แบบนี้ควรจะมีการปฏิรูปประเทศไทยในเรื่องนี้หรือไม่?? แล้วแนวคิดนี้ ท่านคิดว่าควรจะปฏิรูปในด้านไหน คุณภาพชีวิต รายได้ประชากร หรือต้องไปปรับแก้ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ หรืออื่นๆ

จริงๆ แล้วเรื่องใกล้ตัวของเราก็มีหลายเรื่องที่รอการปฏิรูป เพียงแต่เราชินชาและคุุ้นเคยจนดูเหมือนว่ามันไม่ใช่ปัญหาและเป็นอุปสรรคใดๆ เท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ความอดทนของประชาชนมันมีสูงกว่าค่าแรงและราคาไข่ไก่อีกตั้งเยอะ ใช่หรือไม่

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

จะปฏิรูปประเทศไทย ควรทำอะไรก่อน

หลายคนอาจจะรู้แล้วว่า ปฏิรูปประเทศไทย คืออะไร แต่ผมจะไม่มานั่งอธิบายว่ามันเป็นอย่างไรมันจะต้องไปในแนวทางไหนที่ควรจะเป็น แต่เราจะมานั่งหาแนวทางและทางออกของการปฏิรูปนี้กันก่อน ว่าทำไมถึงต้องมีการปฏิรูป แล้วจะทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร แม้จะรู้จุดประสงค์ว่าทำไปเพื่ออะไรทำไปทำไม แล้วอยากจะถามว่าจะต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก หรือทำไปพร้อมๆ กัน

เรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อเราอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม เราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิม อะไรที่มันแย่เราต้องปรับปรุงแก้ไข แล้วอะไรที่แย่ในประเทศไทยที่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นวาระสำคัญในอันดับแรกสุด คำตอบคือเกือบทั้งหมดเป็นสิ่งที่แย่และต้องปรับปรุงแก้ไข ทุกอย่างแย่หมด และที่มาที่ไปของคำว่าแย่ก็คือ คนไทยไร้จิตสำนึกของความเป็นส่วนรวม คนไทยมีจิตใจโอบอ้อมอารีย์อย่างเห็นได้ชัดแต่พอชีวิตสบายเกิน จิตใจที่ดีเหล่านั้นจะกลายเป็นการดูถูกดูแคลนและไร้จิตสำนึกในส่วนรวมไปโดยสิ้นเชิง

หรือเรากำลังจะปฏิรูปประเทศไทย เพื่อให้คนไทยเข้าสู่ยุคความเห็นแก่ตัว หรือเราต้องการจะปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคเห็นแก่ตัว

เคยมีใครจำได้ไหมว่าถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อ 40-50 ปีก่อนกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังคงมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ที่สังคมทุกวันล้วนแต่ตัวใครตัวมัน คนรวยก็จะรวยยิ่งขึ้น คนจนก็ไม่เคยหลุดพ้นจากความจน สวัสดิการของรัฐก็ยังไม่ตอบโจทย์แก่คนหาเช้ากินค่ำและมนุษย์เงินเดือนได้ บ้านและคอนโดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดตามแนวรถไฟฟ้า ดูเหมือนการจราจรในเมืองหลวงจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแต่ถนนหนทางก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นต่างกับผู้คนและจำนวนรถบนท้องถนนกลับยิ่งทวีคูณจำนวนมากขึ้นทุกวัน นี่หรือคือการพัฒนา

ปฏิรูปประเทศไทย ควรทำอะไรก่อน
ทุกหนแห่งเหมือนจะมีความเดือดร้อนกันไปหมดทุกหัวระแหง แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรก่อนดี หันซ้ายแลขวา ทุกอย่างควรถูกเปลี่ยนแปลงให้หมด แต่จะเริ่มต้นที่ตรงไหนก่อนดี จะปฏิรูปประเทศไทยในจุดไหนก่อนเป็นอันดับแรก

แม้เรื่องหลักๆ จะถูกคิดและวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วไม่ว่าจะเป็น ด้านการท่องเที่ยว ที่จะต้องเน้นคุณภาพ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและทำรายได้ให้มากในแต่ละปี แต่ประเทศเรากลับมีแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรมลงทุกวันๆ แม้จะมีการพยายามหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ส่งคนเข้าไปรุกรานพัฒนาที่อันสวยงามและเป็นธรรมชาติมาสร้างรายได้ แต่กลับขาดการรณรงค์ให้คนเที่ยวมีจิตสำนึกถึงส่วนรวมและธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน

ในด้านอุตสาหกรรม แม้ประเทศไทยไม่ได้ถือว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักของโลก ในบางพื้นที่มีการตั้งนิคมอุสาหกรรม ผลิตสินค้าคุณภาพแต่ค่าแรงสำหรับแรงงานกลับต่ำกว่ามาตรฐาน

หรือในเรื่องของการศึกษา แม้ว่าเด็กไทยจะเก่งและชนะการประกวดแข่งขันโอลิมปิกด้านวิชาการหลายสาขา แต่คนส่วนใหญ่ยังใช้คำพูดที่ผิดๆ แถมครูบาอาจารย์บางคนยังสะกดคำไทยบางคำไม่ถูกต้อง และคนไทยก็ยังคงอ่านหนังสือกันไม่เกิน 4 บรรทัดต่อปี บางพื้นที่การศึกษายังเข้าไปไม่ถึง ต่างกับในเมืองที่มีสถานศึกษาค่าเทอมแพง หรือการศึกษาเว้นไว้เฉพาะคนรวยเท่านั้น

นี่หรือคือทางออกของประเทศ นี่หรือ??

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

วงการ IT ควรปฏิรูปหรือไม่?

ตอนนี้เรื่องอะไรที่กำลังฮิตสุดๆ คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง Heartbleed bug แต่จะเอาเรื่อง IT มาเขียนเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย คงจะไม่เหมาะ แต่ก็นะ ไหนๆ ก็เป็นเรื่องที่คนหลายคนสนใจ ก็เลยจับเข้าประเด็นไปเลย ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะหัวข้อนี้มันกว้างอยู่แล้ว ก็เนื่องจากไม่ได้เน้นเรื่องการเมืองทั้งหมด ก็มีให้เขียนหลากหลาย คิดว่าครอบคลุมหมดทุกภาคส่วนเลยก็ว่าได้เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปอะไรแบบนี้

เข้าเรื่องเลยดีกว่า เพราะความดังของ Heartbleed bug หลายคนเลยถามว่ามันคืออะไร

มันก็เป็นความผิดพลาดและช่องโหว่ของระบบนั่นเอง ซึ่งปกติเว็บไซต์มีชื่อหลายแห่ง โดยเฉพาะระบบธนาคารออนไลน์ และระบบอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มากต่างๆ เค้าจะมีระบบรักษาความปลอดภัยของตัวเอง แต่เมื่อมีการเชื่อมต่อ และมีการรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรากับเว็บไซต์ เรากับ server เรากับเครือข่ายใดๆ ข้อมูลต่างๆ ที่เราใช้ก็จะถูกเข้ารหัสแปลงข้อมูลให้กลายเป็นตัวสัญลักษณ์ต่างๆ ที่คนไม่สามารถอ่านได้ เรียกสั้นๆ ว่า ถูก encryption ไปเรียบร้อย การจะเข้าไปอ่านได้เป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจ จำเป็นต้องมีกุญแจถอดรหัสที่ถูกต้องเท่านั้น

ส่วนนี้เองที่เป็นปัญหา Heartbleed bug เพราะระบบการเข้ารหัสนี้ ดันเกิดมีช่องโหว่ ให้ใครซักคนเข้ามาทำการเอาข้อมูลไปได้
และเจ้ารู้รั่วเหล่านี้ก็ทำให้เหล่าบรรดานักเจาะระบบทั้งหลายที่มีความสามารถ ทำการเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยนี้เพื่อไปเอาข้อมูลที่ไป แม้เป็นข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้ยากสำหรับนักเจาะทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในส่วนของ Username, Password หรือส่วนที่เข้าทำการโพสต์ อัพเดท หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ภายใต้ชื่อเราได้ทั้งหมด

ปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปวงการ IT


ถามว่านักเจาะระบบเอาข้อมูลนี้ที่ตรงไหน เค้าก็เจาะเข้าไปตามองค์กรใหญ่ๆ ในเว็บ server จำพวก Google, Facebook, Instagram, Twitter และบริการออนไลน์ชื่อดังแทบทั้งหมด รวมถึงธนาคารต่างๆ อาจโดนปัญหานี้กันถ้วนหน้า เค้าไม่ได้เข้ามาเอาที่เครื่องเรา แต่เค้าเข้าไปเอาที่เครื่องที่เก็บข้อมูลของทุกคนเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลานั่นเอง

และนี่อาจจะเป็นรูรั่วที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อินเทอร์เนตในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เราควรมีการปฏิรูปประเทศไทย เพราะหลังจากนี้ไม่กี่วันเราอาจจะได้ยินข่าวว่าบัญชีธนาคารจำนวนมากถูกขโมยไป ก็ไม่ต้องไปแปลกใจ แม้จะมีประโยคสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า ใครทำผิดก็ไปจับตัวมาลงโทษสิ แต่มันไม่ง่ายนัก เพราะนักเจาะระบบที่สามารถค้นหารูรั่วอย่าง Heartbleed bug นี้ และใครก็ตามที่สามารถ download ข้อมูลผ่านช่องโหว่นี้ได้ จะไม่เหลือร่องรอยอะไรให้ตามจับได้เลย หากมีปัญหาแล้วก็ไม่สามารถที่จะจะจับมือใครดมไม่ได้

ทางแก้ทางเดียวคือผู้ให้บริการจะโบ้ยความผิดไปให้ผู้ใช้บริการ และจะบอกหน้าตาเฉยว่า เราเป็นคนทำธุรกรรมนั้น ก็ต้องรับผิดชอบเอง หรือ เค้าไม่อาจรับผิดชอบได้กับการทำธุรกรรมดังกล่าวเพราะถือว่าผู้ใช้นั้นเป็นผู้กระทำและไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวไว้ให้ดี สังเกตุไหมว่า ไม่ว่าคุณจะเก็บรักษาข้อมูลพวกนี้ดีอย่างไร แม้เครื่องคุณจะสะอาดไร้พิษภัยจากนักเจาะระบบต่างๆ แต่คุณก็ไม่สามารถรับรองได้ว่า เครื่องที่เก็บข้อมูลของคุณอีกแห่งที่อยู่ปลายทาง จะปลอดภัยดีแค่ไหน แบบนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงและต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเป็นการด่วน

เกิดปัญหานี้แล้วเว็บไซต์ต่างๆ จะแก้ไขปัญหาได้เร็วขนาดไหน? สำหรับการหยุดปัญหานี้ เว็บไซต์ที่มีรูโหว่จำเป็นต้องทำการอัพเดทระบบความปลอดภัยทุกระบบ เรียกว่าเป็นการปฏิรูปองค์กรการรักษาความปลอดภัยกันเลยทีเดียว และก็ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดของผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งหลายๆ เว็บได้ทำการแก้ไขแล้วแต่อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายๆ เพราะตราบใดที่ยังมีเว็บที่ยังไม่ทำการปฏิรูป และอุดรูรั่วนี้ให้เรียบร้อยเหล่าอาชญากรรวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีนักเจาะระบบเก่งๆ ก็สามารถเข้าส่องบัญชีของเราได้อย่างง่ายดายโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วเราจะต้องป้องกันตัวเองได้อย่างไร? คำถามที่มาพร้อมกับคำตอบเดิมๆ คือ ความปลอดภัยเบื้องต้นที่ยังสามารถใช้ได้ไปตลอดชีวิตคือ เปลี่ยน Password ซะในทุกๆ บริการที่คุณใช้ประจำ

ทำแค่นี้เพียงพอหรือเปล่า? ก็อย่างที่บอก แม้เครื่องเราจะปลอดภัย แต่เราก็รับประกันไม่ได้ว่าเครื่องต้นทางที่เราเข้าไปใช้ข้อมูล จะปลอดภัยดีแค่ไหน ก็แค่ภาวนาว่าให้เค้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการอุดรูรั่วและช่องโหว่เหล่านั้นให้สิ้น ที่สำคัญ ไม่ควรใช้ password เดียวกันในทุกๆ id

ปัญหา Heartbleed Bug นี้มีเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ทำไมข่าวมันเพิ่งมาฮิตกันตอนนี้ก็ไม่เข้าใจ หรือนี่จะเป็นแผนโปรโมทหนัง Transcendence ก็ไม่รู้ ที่สำคัญ หากเป็นจริงอย่างที่ข่าวกล่าวอ้าง การปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูประบบการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อให้ได้มีมาตรฐานเท่าเทียมกับประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วนั้น ควรจะมีด้วยอย่างยิ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

ปฏิรูปประเทศไทย ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง

ลองดูเล่นๆ เกี่ยวกับหัวข้อ ปฏิรูปประเทศไทยนี้นั้น ลองค้นหาเว็บที่มีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องที่เป็นประโยชน์จริงๆ มีน้อยมาก โดยเริ่มตั้งแต่การค้นหาคำที่บอกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น ไม่ต้องระบุหรือจำกัดความเกี่ยวกับปฏิรูปแบบเจาะจงก็ได้ แต่การแสดงผลการค้นหาส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เรื่องของ การเมือง เข้ามาเกี่ยวข้อง ดูเหมือนว่าการนี้แลปัจจุบันนี้ ทุกเป้าหมายล้วนมุ่งไปสู่การเมืองอย่างเดียว โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า ถ้าเปลี่ยนระบบการเมืองได้ การจะปฏิรูปประเทศไทยก็จะง่ายขึ้น เสมือนเปลี่ยนหัวซะ ตัวหรือหางจะสำคัญแค่ไหนกันเดี๋ยวก็เปลี่ยนตามกันเอง แบบว่าง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ

หากคิดแบบนี้แล้วแสดงว่า การเมืองเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ อย่างนั้นหรอกหรือ?

ปฏิรูปประเทศไทย ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง


หนูไม่เข้าใจจริงๆ เพราะยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่ควรทำก่อน อย่างการที่เราหิวแล้วไม่มีอะไรในครัวให้กิน อันดับแรกเราควรทำอะไรก่อน ออกไปทำงานหาเงินเพื่อให้ได้เงินมาซื้อข้าว หรือไปขอข้าวเค้ากินก่อนทำงานใช้ ถ้าเลือกอย่างแรก มีหวังกว่างานจะเสร็จคงตายก่อน ถ้าเลือกอย่างสองบางคนอาจมีอคติอีกในหลายเรื่อง

แต่ในความเป็นจริง หากเราไปขอทำงานแล้วบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยมาทั้งวัน กว่า 80% จะให้ข้าวกินก่อน

นั่นเพราะความสำคัญของร่างกายโดยรวม สำคัญกว่าสิ่งอื่น ส่วนรวมสำคัญกว่าสิ่งอื่น หากจะถามว่า ถ้าเป็นไปได้จะปฏิรูปประเทศไทยในส่วนไหนก่อน ก็ตอบไม่ได้ แต่การเมืองไม่ใช่เรื่องอันดับหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลง เพราะในช่วงระยะเวลากว่าขวบปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยก็ไร้ซึ่งการเมือง การเมืองของประเทศไทยหยุดชงักมาตั้งแต่ปี 2556 จนกระทั่งมาปีนี้ 2557 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการเริ่มต้นใหม่ๆ อะไรได้ แต่ประเทศก็ยังคงเดินไปข้างหน้า แต่เดินแบบเอื่อยเฉื่อย เพราะทีท่านักลงทุน ยังคงไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ปัจจุบัน หากคิดกันเล่นๆ ว่า ถ้าไม่มีการชุมนุม แม้หากไม่มีนักการเมือง เชื่อแน่ว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้เร็วกว่านี้ แม้จะไม่ได้เต็มที่ก็ตาม

ปฏิรูปแบบไหนก็ทำไป แต่คงไม่ใช่การเมืองอย่างเดียวอย่างที่เข้าใจกันเหมือนทุกวันนี้แน่ๆ

ปฏิรูปประเทศไทย แบบเล่นๆ

ลองคิดเล่นๆ ถ้าเราจะปฏิรูปอะไรซักอย่างกับประเทศไทย เราอยากทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก อยากจะเสนอแนวคิดเป็นข้อๆ แต่เราไม่ใช่วิชาการ และไม่ได้มีความรู้รอบด้านในเรื่องต่างๆ ที่จะต้องนำเสนอและหาแนวทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบระเบียบทั้งหลาย ที่เค้ามีมาก่อนหน้านั้นแล้วหลายสิบหลายร้อยปี คนบางคนบอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนอะไรซักอย่างที่มันมีมาเป็นสิบๆ หรือเป็นร้อยๆ ปีมาแล้วจะยากมากๆ เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงความเชื่อที่มี เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง

ทำไมมันยาก...

คำว่าเปลี่ยนแปลง มันมีผลต่อจิตใจ บางคนจะรับไม่ได้ เพราะนั่นมันจะหมายถึงการทำลายสิ่งที่มีอยู่เดิม จริงๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงในบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องทำลายระบบเดิม แต่ความกลัว มันเข้าไปควบคุมจนเกิดอาการที่เรียกว่า กลัวอนาคต กลัวความเปลี่ยนแปลง เพราะคาดเดาได้ยาก แม้จะคาดเดาได้แต่ก็ยังกลัว

ทำไมถึงกลัวการเปลี่ยนแปลง

คนปกติมักจะไม่ชอบ เพราะเค้าเคยคุ้นชินกับสิ่งเดิมๆ การปฏิรูปประเทศไทย ก็เหมือนกัน เป็นการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างชนิดที่เรียกว่า อาจเปลี่ยนทุกอย่างไปเลย แท้จริงอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงทันที แต่ข้อที่เกิดจากความกลัวอนาคต นั่นทำให้อาการที่รับรู้มาคือ มันจะเปลี่ยนไปทุกสิ่ง สิ่งเดิมๆ จะไม่มีอยู่ และจะหายไป สิ่งที่คุ้นชินจะไม่อยู่ ความกลัวก็เข้ามาครอบงำ ทำให้ไม่อยากที่จะเปลี่ยน

แล้วจะทำอย่างไร

คงไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้มันเป็นไปตามกระแสสังคม ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ควรเปลี่ยนทุกอย่าง เป็นต้นว่าในเรื่องของจิตใจ ความรู้สึก ความเป็นคน ไม่ควรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยี บางคนชอบพูดว่า เมืองเจริญขึ้นแต่จิตใจคนต่ำลง นั่นคือไม่ได้พัฒนาจิตใจให้เปลี่ยนตามความเจริญของวัตถุ

อยากให้อะไรเปลี่ยน วันหลังจะมาบอกเป็นหัวข้อๆ