วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปฏิรูปประเทศไทย ก่อนจะไปเลือกตั้ง?

หลากหลายแนวทางที่ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิรูปประเทศไทย ก่อนเลือกตั้ง ผมคงไม่ไปสรุปแนวความคิดของหลายๆ คนที่ให้คำจำกัดความไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่อยากจะเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้าและ ไม่เชื่อถือระบบเลือกตั้งจึงต้องมีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบก่อน ในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้เพราะหากจะปฏิรูปมันก็ต้องมีการออกกฏเกณฑ์ในหลายๆ ส่วน แล้วกฏเกณฑ์เหล่านั้นอาจถูกบัญญัติไปเป็นกฏหมาย แล้วใครมีอำนาจเสนอร่างกฏหมายและประกาศใช้ ก็ต้องเป็นคณะรัฐมนตรีและ สส.ในสภาฯ นั่นแหละ แล้วทีนี้เมื่อไม่มีการเลือกตั้ง รัฐบาลไม่มี สส.ไม่อยู่ รัฐมนตรีทั้งหลายล้วนถูกไล่ออก ใครจะเป็นคนทำในส่วนนี้

อย่าบอกนะว่าใช้มาตรการฉุกเฉินประกาศด้วยอำนาจเฉพาะกลุ่ม พูดให้สวยหรูไปเลยดีกว่าว่าจะปฏิวัติ หรือรัฐประหาร เพราะในเมื่อผู้มีอำนาจไม่มี ก็ตั้งตนเป็นผู้มีอำนาจเต็มที่เพื่อจะประกาศใช้เสียเอง ไม่ต่างอะไรกับการมัดมือมัดเท้าประชาชนและตั้งตนเป็นผู้ปกครองเสียเอง ระบบอะไรคุ้นๆ กันไหม มันไม่ใช่การปฏิรูปประเทศไทย แต่มันเป็นการยึดอำนาจ

แล้วการไม่เชื่อระบบเลือกตั้ง จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ในหลายๆ ความเห็นต่างๆ กันไม่มีใครเสนอแนวคิดที่ดีเลย ว่าทำอย่างไร การปฏิรูปประเทศไทยจริงๆ เป้าหมายการปฏิรูปนั้นก็ชัดเจนทุกกลุ่ม คือ การลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดคอร์รัปชัน กระจายอำนาจและทรัพยากร วิธีการเลือกตั้งและการเข้าสู่อำนาจ พัฒนาศักยภาพมนุษย์ เพิ่มผลิตภาพโดยรวม และกระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ

เหล่านี้ล้วนเป็นแนวคิดแต่วิธีการก็ละเอียดอ่อน ไม่มีที่ไหนเสนอแนวทางออกให้แก่ประเทศไทยด้วยวิธีการที่จะนำไปใช้ได้จริง

หาแนวทาง ปฏิรูปประเทศไทย ให้เดินไปข้างหน้า
วันนี้ผมอยากจะเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาในหัวข้อการตรวจสอบการเลือกตั้งและกระบวนการตรวจสอบของการเข้าสู่อำนาจผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น สส.สว. หรือสามารถนำไปใช้กับการเลือกตั้งได้ทุกระบบดังนี้

1. ให้ผู้สมัครเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกทุกส่วนโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เพื่อความโปร่งใส ประชาชนทุกคนล้วนมีสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ได้ในทุกเรื่องยกเว้นเรื่องส่วนตัวโดยไม่ผิดกฏหมาย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการหาเสียง
2. การคัดสรรผู้สมัคร จะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินทุกรายการ รวมถึงที่มาที่ไปของเงินรายได้ทั้งหมด พร้อมระบุเครือข่าย หัวคะแนน ฯลฯ ทุกข้อมูลที่จะส่งผลให้ผู้สมัครได้คะแนนนิยม
3. หากมีหรือเจอกรณีทุจริต ให้ผู้สมัครเหล่านั้นเคลียร์ให้ชัดเจนต่อสาธารณะชน และศาลตัดสินแล้วว่าไม่ผิดจริง ถึงจะลงสมัครได้ ไม่ใช่อยู่ในระหว่างพิจารณาคดี หรือมีด้านมืดที่ทุกคนรู้ แต่ไม่มีใครกล้าแตะ แบบนี้ไม่สามารถลงเลือกตั้งได้
4. ต้องมีผลงานที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี เพราะฉะนั้นแล้ว หากผู้ใดต้องการรับใช้บ้านเมือง คุณจะต้องเสียสละให้แก่บ้านเมืองโดยไม่หวังผลมาแล้วกว่า 5 ปี หากไม่มีผลงานใดๆ ก็ไม่ให้ลงสมัคร ยกเว้นไม่มีผู้สมัครเพียงพอ ให้ใช้ความดีที่มีลดหลั่นกันไปได้
5. มีนโยบายที่สามารถทำได้จริง ปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่คิดนโยบายเพื่ออยากดัง สร้างความเพ้อฝัน แต่ทำไม่ได้จริง ก็ไม่ให้ลงสมัคร
6. ผู้สมัครต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองนี่แหละ เป็นตัวถ่วงดุลอำนาจประเทศอย่างเห็นได้ชัด หากไม่มีพวกพ้อง การคอรัปชั่นก็จะเกิดยาก ทุกคนทำหน้าที่ตัวเอง ทำให้ชาติเจริญ ไม่ใช่ทำให้พรรคเจริญ
7. คะแนนจากประชาชนถือเป็นมติสวรรค์ องค์กรอิสระอย่าง กกต. ไม่สามารถคัดค้าน หรือระงับ หรือละเลยการพิจารณาผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงมากให้ชนะได้ กกต.สามารถทำได้ตามหน้าที่คือ จัดการ ตรวจสอบ และรับรองเท่านั้น
8. ในสภา สส.และ สว. เลือกตั้งกันเองว่าใครจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เลือกผู้นำฝ่ายกันเอง โดยไม่มีเงื่อนไขของพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกคนเป็นอิสระจากกัน ลบและล้างระบบการเลือกตั้งนายกรัฐมลตรีจากประชาชน ประชาชนเลือกเฉพาะ สส. สว. ส่วน สส. สว. เข้าไปเลือกนายก ไม่ใช่เหมือนในปัจจุบัน ลงสมัครนายกตั้งแต่ยังไม่ได้เลือก สส. แบบนี้ยกเลิกไปเลย
9. งบประมาณแบ่งสรรปันส่วนให้เท่ากัน และตั้งกฏเกณฑ์ทุกกระทรวงต้องมีกำไรไม่น้อยกว่า 10% ของงบประมาณรายได้ที่เบิกจ่าย คุณจะเอาเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนอะไรก็แล้วแต่ จะต้องมีกำไรเข้ามาอย่างน้อย 10% ของงบประมาณ ถ้าไม่มีกำไร ปีต่อไปก็ต้องลดงบประมาณกระทรวงนั้นลง 10% แต่หากทำกำไรได้ ก็ได้งบเพิ่มอีกสูงสุด 10% เพื่อป้องกันไม่ให้เอาเงินไปกินกันเองจนพุงกาง
10. สส. สว. ต้องมาจากการเลือกตั้ง และไม่สังกัดพรรคการเมือง มีวาระ 4 ปีเท่ากัน ครบวาระเลือกใหม่ทั้งระบบ ถ้าใครคนใดไม่ทำหน้าที่ในข้อ 4 ก็อย่าหวังว่าจะได้เกิด
11. หมดยุกเครือข่าย ญาติมิตร ครอบครัวนักการเมือง ครอบครัวใด ญาติมิตรใดมีหน้าที่เป็นนักการเมือง ครอบครัวนั้น ญาติมิตรนั้น เป็นได้แค่คนเดียว และห้ามครอบครัว ญาติมิตร คนรู้จัก เข้าร่วมประมูลโครงการใดๆของรัฐที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นประธานหรือเจ้าหน้าที่กระทรวงนั้นๆ หากตรวจสอบเจอว่าขัดขืนต้องจ่ายค่าเสียหาย 100% และยกเลิกว่าจ้างทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

และอีกหลายๆ ข้อยังคิดไม่หมด

ในบางครั้ง กฏระเบียบและแบบแผนหลายอย่าง อาจใช้ไม่ได้กับประเทศไทยและคนไทย ที่มีความเอื้อเฟื้อทำให้คนโกงคนกินไม่รู้จักตายเพราะนิสัยคนไทยที่ชอบใช้คำว่า ช่างมันหรือปล่อยให้เวรกรรมจัดการ มันหมดยุคสมัยไปแล้ว

ก็เป็นแค่แนวคิดขำๆ