
แต่รู้ไหมครับ แม้ไปรษณีย์จะมีระบบตรวจสอบ tracking number มีระบบการส่งของรับของไฮเทคแค่ไหน แต่วิธีการขนส่งก็ยังคงเป็นแบบเมื่อร้อยกว่าปีก่อน นั่นคือใช้คนจับของทุกอย่างที่ต้องการโยน ไม่ว่าจะโยนลงถัง โยนขึ้นรถ โยนใส่นั่นใส่นี่ จึงเป็นที่มาแห่งกระแสดังทางโซเชียล กล่าวหาว่าควรจะพัฒนาได้แล้ว ควรปฏิรูปประเทศไทยได้แล้วในเรื่องของการโยนของแบบนี้ ไม่มีที่ไหนในโลกใช้กันแล้ว ถ้าบุคลากรไม่เพียงพอทำไมไม่สรรหามาเพิ่ม อุปกรณ์ไม่มีทำไมไม่สรรหามาใช้ ทำไมยังใช้ระบบเดิมๆ อยู่
มีคนแซวว่า คงต้องเขียนติดไว้บนกล่องหรือซองว่า "ห้ามโยน" แต่ก็ไม่ได้ผล ดูเหมือนพนักงานไปรษณีย์ที่ทำหน้าที่นั้น อ่านไม่ออก หรือไม่ตั้งใจอ่าน หรือเพราะเอากล่องหรือของใส่ถุงพัสดุเพื่อรวบรวมไว้กับพัสพุอื่นๆ แล้ว จึงมองไม่เห็นข้อความขอร้องว่า "ห้ามโยน"
ไปรษณีย์ชี้แจงเรื่องโยนของ
จะเห็นได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเงินว่าแพงหรือไม่แพงที่ผู้ใช้บริการสนใจ แต่เป็นเรื่องของการบริการของผู้ให้บริการ เป็นเรื่องของจิตสำนึก (ของแพงบางอย่างก็แตกหักด้วยวิธีการเดียวกัน "โยนของ") ย้ำหลายครั้งแล้วว่าหากพัฒนาคนไม่ได้ พัฒนาจิตสำนึกในการเสียสละไม่ได้ ต่อให้มีการปฏิรูปประเทศไทยซักกี่หนกี่ครั้ง ประเทศเราก็ยังไปไม่ถึงไหน